นโยบายการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล

Privacy Policy

 

     บริษัท เอส พี วี ไอ จำกัด (มหาชน) และบริษัทในเครือ (“บริษัท”) เป็นผู้ให้บริการเกี่ยวกับการอบรม การให้คำปรึกษา ด้านการศึกษา การพัฒนาด้านเทคโนโลยี และการจำหน่ายสินค้าภายใต้เครื่องหมายการค้า Apple เช่น ร้าน iStudio iBeat U•Store และ Mobi เป็นต้น (“ผลิตภัณฑ์และบริการ”) ซึ่งในการดำเนินการดังกล่าว อาจมีข้อมูลส่วนบุคคลของเจ้าของข้อมูล (“ท่าน”) และข้อมูลส่วนบุคคลที่บริษัทได้รับจากลูกค้า/คู่ค้าของบริษัท ทั้งทางตรงและทางอ้อม 

    บริษัทมีความมุ่งมั่นและให้ความสำคัญต่อการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน ที่อยู่ภายใต้การควบคุมดูแลของบริษัท บริษัทจึงได้จัดทำนโยบายความเป็นส่วนตัว (Privacy Policy) (“นโยบาย”) เพื่อระบุถึงวิธีการและมาตรการของบริษัท ในการเก็บรวบรวม ใช้ เปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล (“การประมวลผล”) โดยที่บริษัทจะดำเนินการตามนโยบายนี้ พร้อมทั้งปฏิบัติตามกฎหมาย และมาตรการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล รวมถึงจัดทำเอกสาร และทบทวนมาตรการอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้การปฏิบัติตามกฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลมีประสิทธิภาพและเหมาะสม 

 

ข้อ 1. คำนิยาม 

 

1.1 “ข้อมูลส่วนบุคคล” หมายถึง ข้อมูลเกี่ยวกับบุคคลซึ่งทำให้สามารถระบุตัวบุคคลนั้นได้ไม่ว่าทางตรงหรือทางอ้อม เช่น ชื่อ นามสกุล ชื่อเล่น ที่อยู่ หมายเลขโทรศัพท์ เลขประจำตัวประชาชน เลขหนังสือเดินทาง เลขบัตรประกันสังคม เลขใบอนุญาตขับขี่ เลขประจำตัวผู้เสียภาษี เลขบัญชีธนาคาร เลขบัตรเครดิต ที่อยู่อีเมล ทะเบียนรถยนต์ โฉนดที่ดิน IP Address, Cookie ID ข้อมูลเสียง เป็นต้น อย่างไรก็ดี ข้อมูลต่อไปนี้ ไม่เป็นข้อมูลส่วนบุคคล เช่น ข้อมูลของผู้ถึงแก่กรรมข้อมูลของนิติบุคคล ข้อมูลสำหรับการติดต่อทางธุรกิจที่ไม่ได้ระบุถึงตัวบุคคล ชื่อบริษัท ที่อยู่ของบริษัทเลขทะเบียนนิติบุคคลของบริษัท หมายเลขโทรศัพท์ของที่ทำงาน ที่อยู่อีเมลที่ใช้ในการทำงาน ที่อยู่อีเมลกลุ่มของบริษัท ข้อมูลนิรนาม (Anonymous Data) หรือ ข้อมูลแฝงที่ทำให้ไม่สามารถระบุตัวบุคคลได้อีกโดยวิธีการทางเทคนิค (Pseudonymous Data) เป็นต้น

 

1.2 “ข้อมูลส่วนบุคคลอ่อนไหว” หมายถึง ข้อมูลที่มีความละเอียดอ่อน และอาจสุ่มเสี่ยงในการเลือกปฏิบัติอย่างไม่เป็นธรรม เช่น เชื้อชาติ เผ่าพันธุ์ ความคิดเห็นทางการเมือง ความเชื่อในลัทธิศาสนา ปรัชญา พฤติกรรมทางเพศ ประวัติอาชญากรรม ข้อมูลสุขภาพ ความพิการ ข้อมูลสหภาพแรงงาน ข้อมูลพันธุกรรม ข้อมูลชีวภาพ หรือข้อมูลอื่นใด ซึ่งกระทบต่อเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลในทำนองเดียวกัน ตามที่คณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลประกาศกำหนด

 

1.3 “เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล” หมายถึง ตัวบุคคลที่เป็นเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลนั้น แต่ไม่ใช่กรณีที่บุคคลมีความเป็นเจ้าของข้อมูล (Ownership) หรือเป็นผู้สร้างหรือเก็บรวบรวมข้อมูลนั้นเอง โดยเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลนี้ หมายถึง บุคคลธรรมดาเท่านั้น และไม่รวมถึงนิติบุคคล (Juridical Person) ที่จัดตั้งขึ้นตามกฎหมาย เช่น บริษัท สมาคม มูลนิธิ หรือองค์กรอื่นใด 

 

1.4 “ผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคล” หมายถึง บริษัท บุคคล หรือนิติบุคคลอื่นซึ่งเป็นผู้มีอำนาจหน้าที่ตัดสินใจเกี่ยวกับการเก็บรวบรวม ใช้ เปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล

 

1.5 “ผู้ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล” หมายถึง บริษัท บุคคล หรือนิติบุคคลอื่น ซึ่งดำเนินการเกี่ยวกับการเก็บรวบรวม ใช้ เปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลตามคำสั่ง หรือในนามของผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคล 

 

1.6 “เจ้าหน้าที่คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล” หมายถึง บุคคลหรือคณะบุคคลซึ่งได้รับการแต่งตั้งจากบริษัทให้มีหน้าที่ ตามพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562

 

ข้อ 2. ประเภทของข้อมูลส่วนบุคคล

บริษัทอาจเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน ดังต่อไปนี้

 

2.1. ข้อมูลส่วนบุคคลทั่วไป 

 

  1. ข้อมูลส่วนตัวเช่นชื่อนามสกุลอายุวันเดือนปีเกิดสถานภาพสมรสเลขประจำตัวประชาชนเลขหนังสือเดินทางที่อยู่อาศัยสถานที่ทำงานหมายเลขโทรศัพท์อีเมลไอดีไลน์รวมถึงข้อมูลที่ใช้ยืนยันตัวตนได้เช่นข้อมูลบนบัตรประจำตัวประชาชนรูปถ่ายข้อมูลบนใบอนุญาตขับขี่ข้อมูลบนหนังสือเดินทางรูปถ่ายหรือเอกสารอื่นใดที่ใช้ยืนยันตัวตนได้ในทำนองเดียวกันเป็นต้น
  2. ข้อมูลเกี่ยวกับการปฏิบัติงานของท่านเช่นข้อมูลประวัติและการปฏิบัติงานข้อมูลเกี่ยวกับการจ้างงานข้อมูลการประกอบอาชีพข้อมูลเพื่อการบริหารจัดการด้านความปลอดภัยอาชีวอนามัยและสภาพแวดล้อมในการทำงาน
  3. ข้อมูลทางบัญชีการเงินและธุรกรรมเช่นค่าตอบแทนหมายเลขบัญชีข้อมูลการซื้อผลิตภัณฑ์การใช้บริการการรับประกันพฤติกรรมการใช้ผลิตภัณฑ์และบริการหรือสินค้าของบริษัทและของผู้จำหน่ายอื่น
  4. ข้อมูลรูปภาพเสียงภาพเคลื่อนไหวข้อมูลของท่านเมื่อเข้าสู่บริเวณพื้นที่ของบริษัทผ่านกล้องโทรทัศน์วงจรปิด (CCTV) หรือเมื่อท่านเข้าร่วมกิจกรรมซึ่งบริษัทได้จัดขึ้นรวมถึงเมื่อท่านเข้าร่วมรายการส่งเสริมการขายแคมเปญต่างๆหรือกิจกรรมใดๆกับบริษัทตลอดจนประวัติการร่วมกิจกรรมในครั้งก่อนและรายการอื่นในทำนองเดียวกัน
  5. ข้อมูลอื่นใดอันเกิดจากการการใช้ผลิตภัณฑ์และบริการระบบสมาชิกต่างๆของบริษัทที่มีอยู่แล้วหรือจะมีขึ้นในอนาคตเช่นระบบ iMember หรือข้อมูลที่ได้จากการที่ท่านกรอกในใบสมัครสมาชิกแบบฟอร์มการทำแบบสอบถามการสำรวจความต้องการและความพึงพอใจการวิเคราะห์ข้อมูลเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์และบริการการทำการตลาดส่งเสริมการขายหรือการโต้ตอบทางที่อยู่อีเมลหรือช่องทางการสื่อสารอื่นๆระหว่างบริษัทและเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล

 

2.2. ข้อมูลของผู้เข้าชมเว็ปไซต์

 

  1. ข้อมูลส่วนบุคคลที่ให้ไว้ผ่านการซื้อขายผลิตภัณฑ์และให้บริการทางเว็บไซต์ของบริษัทรวมถึงชื่อที่อยู่หมายเลขโทรศัพท์การใช้สื่อสังคมออนไลน์ (Social Media Handle) 
  2. ข้อมูลที่เก็บรวบรวมโดยอัตโนมัติผ่านการติดตามตรวจสอบทางระบบคอมพิวเตอร์ได้แก่ที่อยู่ไอพี (IP Address) เบราว์เซอร์ที่ใช้งานหรือระบบปฏิบัติการหน้าเว็บไซต์ที่เข้าชมเว็บไซต์ต้นทางที่ผู้เข้าชมเชื่อมโยงมาที่เว็บไซต์เว็บไซต์ปลายทางที่ผู้เข้าชมเชื่อมโยงไปจากเว็บไซต์ของบริษัทระยะเวลาการใช้เว็บไซต์และการเข้าชมเนื้อหาใดๆบนเว็บไซต์ของบริษัท

 

2.3. ข้อมูลส่วนบุคคลอ่อนไหว

 

  1. บริษัทไม่มีความประสงค์จะจัดเก็บรวบรวมใช้เปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลซึ่งจัดเป็นข้อมูลส่วนบุคคลอ่อนไหวของท่านเช่นเชื้อชาติข้อมูลหมู่โลหิตหรือข้อมูลศาสนาถึงแม้ว่าข้อมูลดังกล่าวจะปรากฏอยู่บนบัตรประจำตัวประชาชนทะเบียนบ้านหรือเอกสารอื่นใดที่ท่านได้สมัครใจเปิดเผยไว้ต่อบริษัทก็ตามทั้งนี้หากท่านได้ทำการส่งมอบข้อมูลใดๆซึ่งปรากฏข้อมูลที่มีลักษณะเช่นว่านี้ให้แก่บริษัทไม่ว่าจะเป็นการส่งมอบข้อมูลในลักษณะเป็นเอกสารหรือสื่ออื่นใดท่านจะต้องปกปิดข้อมูลอ่อนไหวเหล่านี้ด้วยตัวท่านเองหากท่านมิได้ปกปิดข้อมูลด้วยตัวท่านเองบริษัทถือว่าท่านได้อนุญาตโดยชัดแจ้งให้บริษัททำการปกปิดข้อมูลเหล่านี้ให้แก่ท่านและให้ถือว่าข้อมูลที่ท่านส่งมอบมานี้ซึ่งบริษัทได้จัดการปกปิดข้อมูลอ่อนไหวให้แก่ท่านแล้วเป็นเอกสารที่สมบูรณ์ใช้บังคับได้ตามกฎหมายทุกประการและให้บริษัทสามารถนำไปประมวลผลได้ภายใต้พระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลพ.ศ. 2562 ทั้งนี้หากเป็นกรณีที่บริษัทไม่สามารถจัดการปกปิดข้อมูลอ่อนไหวแก่ท่านได้เนื่องด้วยปัญหาเชิงเทคนิคหรือปัญหาอื่นใดบริษัทจะทำการจัดเก็บข้อมูลอ่อนไหวนี้เพื่อเป็นส่วนหนึ่งของเอกสารยืนยันตัวตนของท่านเท่านั้นและบริษัทจะดำเนินขั้นตอนตามสมควรในทางการค้าเพื่อรักษาความมั่นคงปลอดภัยของข้อมูลดังกล่าวอย่างเพียงพอ 
  2. กิจกรรมที่ท่านได้เข้าร่วมแล้วหรือจะได้เข้าร่วมในอนาคตซึ่งอาจมีการจัดเก็บข้อมูลส่วนบุคคลอ่อนไหวเพิ่มเติมเช่นข้อมูลสุขภาพของท่านทั้งนี้การจัดเก็บข้อมูลดังกล่าวมีวัตถุประสงค์เพื่อการซื้อขายผลิตภัณฑ์และให้บริการและอำนวยความสะดวกอย่างดีที่สุดแก่ท่านเท่านั้นและในการจัดเก็บข้อมูลอ่อนไหวนี้บริษัทจะได้ทำการขอความยินยอมของท่านไว้โดยชัดแจ้งโดยทำเป็นเอกสารขอความยินยอมก่อนการจัดเก็บข้อมูลอ่อนไหวเหล่านั้นเสมอ

 

ข้อ 3. แหล่งที่มาของข้อมูลส่วนบุคคล

บริษัทอาจได้รับข้อมูลส่วนบุคคลของท่านจากช่องทาง ดังต่อไปนี้

 

3.1. บริษัทได้รับข้อมูลส่วนบุคคลจากเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลโดยตรง โดยบริษัทจะเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลจากขั้นตอนการดำเนินการต่าง ๆ ดังนี้

 

  1. ขั้นตอนการติดต่อทำธุรกรรมกับบริษัทหรือร้านค้าของบริษัทณหน้าร้านดังกล่าวรวมถึงการใช้ผลิตภัณฑ์และบริการให้คำปรึกษาทางด้านเทคโนโลยีสารสนเทศต่างๆของบริษัท
  2. การเก็บข้อมูลจากการใช้เว็บไซต์ของบริษัทเช่นเบราว์เซอร์คุกกี้ (Browser’s Cookies) ของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลการใช้ผลิตภัณฑ์และบริการธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ผ่านเว็บไซต์และโปรแกรมเว็บบีคอน (Web Beacon) เป็นต้น
  3. การเก็บข้อมูลประกอบการทำสัญญาการเคลมประกันการออกใบกำกับภาษีเช่นสำเนาทะเบียนบ้าน, สำเนาบัตรประชาชนใบเปลี่ยนชื่อนามสกุลสำเนาพาสปอร์ตเอกสารอื่นใดที่จำเป็นต่อการทำสัญญาหรือทำนิติกรรมเป็นต้น

 

3.2. บริษัทได้รับข้อมูลส่วนบุคคล จากบุคคลที่สาม ลูกค้าของบริษัท บุคคลอื่นใดที่เป็นผู้ควบคุมข้อมูล หรือผู้ประมวลผลข้อมูล และ/ บุคคลอื่นใดที่บริษัทเชื่อโดยสุจริตว่าบุคคลเหล่านั้น เป็นผู้มีสิทธิประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลและมีสิทธิเปิดเผยให้แก่บริษัทได้

 

3.3. บริษัทอาจเก็บรวบรวม ได้รับ หรือเข้าถึงจากแหล่งอื่น ซึ่งไม่ใช่จากท่านโดยตรง เช่น หน่วยงานของรัฐ บริษัทในกลุ่มธุรกิจทางการเงิน สถาบันการเงิน ผู้ให้บริการทางการเงิน บริษัทข้อมูลเครดิต และผู้ให้บริการข้อมูล เป็นต้น ซึ่งบริษัทจะเก็บรวบรวมข้อมูลจากแหล่งอื่นเมื่อได้รับความยินยอมจากท่านตามที่กฎหมายกำหนด เว้นแต่บริษัทมีความจำเป็นในกรณีที่กฎหมายอนุญาต เช่น 

 

(1) หน่วยงานราชการ และหน่วยงานผู้กำกับดูแล เช่น สำนักงานตำรวจแห่งชาติ สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน บริษัท ข้อมูลเครดิตแห่งชาติ จำกัด เป็นต้น 

(2) ข้อมูลที่เก็บรวบรวมโดยอัตโนมัติผ่านการติดตามตรวจสอบทางระบบคอมพิวเตอร์ ได้แก่ ที่อยู่ไอพี (IP Address) เบราว์เซอร์ที่ใช้งาน หรือระบบปฏิบัติการ หน้าเว็บไซต์ที่เข้าชม และเว็บไซต์ต้นทางที่ ผู้เข้าชมเชื่อมโยงมาที่เว็บไซต์ และข้อมูลที่ค้นหาได้ทางอินเทอร์เน็ต หรือบนแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียต่าง ๆ

 

ข้อ 4. วัตถุประสงค์ในการประมวลผลข้อมูล 

     บริษัทเก็บรวบรวม ใช้ เปิดเผย ข้อมูลส่วนบุคคลด้วยวิธีการที่ชอบด้วยกฎหมายและเป็นธรรม โดยบริษัทจะจัดเก็บข้อมูลส่วนบุคคลเท่าที่จำเป็นเพื่อใช้ในกรณี ดังต่อไปนี้ ทั้งนี้หากมีการเปลี่ยนแปลงวัตถุประสงค์ บริษัทจะแจ้งให้เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลทราบ และบันทึกเพิ่มเติมไว้เป็นหลักฐาน รวมทั้งจะปฏิบัติให้เป็นไปตามกฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล

 

4.1. เพื่อประโยชน์ในการติดต่อประสานงาน การโฆษณา ทำการตลาด แจ้งข้อมูลข่าวสาร สิทธิประโยชน์ กิจกรรมส่งเสริมการขาย ตลอดจนให้คำแนะนำต่าง ๆ ที่เป็นประโยชน์ โดยท่านอาจเลือกที่จะไม่รับข้อความโฆษณาบางประเภทได้โดยปฏิบัติตามคำแนะนำที่ให้ไว้

 

4.2. เพื่อใช้ในการดำเนินการตามคำขอของท่านก่อนเข้าทำสัญญา หรือเพื่อปฏิบัติตามสัญญา ดำเนินการจัดซื้อ จัดจ้าง ตรวจสอบ ตรวจรับ ชำระค่าผลิตภัณฑ์และบริการ บริหารจัดการความสัมพันธ์ ตรวจสอบและประเมินการทำงานตามข้อตกลงที่กำหนดไว้ในใบสั่งซื้อ เอกสารอื่น ๆ แพลตฟอร์มออนไลน์ และเว็บไซต์ที่เกี่ยวข้องกับกระบวนการจัดซื้อจัดจ้าง รวมถึงการบริหารความสัมพันธ์กับท่าน

 

4.3. เพื่อประโยชน์ในการวิเคราะห์ และนำเสนอผลิตภัณฑ์และบริการใด ๆ ของลูกค้าของบริษัท และ/หรือบุคคลที่เป็นผู้จำหน่าย เป็นตัวแทน หรือพันธมิตรทางธุรกิจ (คลิก) ที่มีความเกี่ยวข้องกับบริษัท รวมถึงเพื่อประโยชน์ในการใช้ผลิตภัณฑ์และบริการ เช่น การตอบข้อซักถาม การให้บริการอื่นใดตามคำขอของท่าน การสำรวจความคิดเห็น ความพึงพอใจ

 

4.4. เพื่อวัตถุประสงค์ในการใช้ผลิตภัณฑ์และบริการตามสัญญา ที่เกี่ยวกับการใช้ข้อมูลในเชิงพาณิชย์ที่ไม่ขัดต่อกฎหมาย และ/หรือเพื่อปฏิบัติตามกฎระเบียบที่ใช้บังคับกับบริษัททั้งปัจจุบันและอนาคต 

 

4.5. เพื่อประโยชน์ในการจัดส่ง คูปอง ข่าวสาร ตัวอย่างสินค้า ของรางวัล การแจก แถมสินค้าบริการ และโปรโมชั่นพิเศษ ส่วนลด และข้อมูลอื่น ๆ ให้แก่ท่านผ่านช่องทางที่ท่านอนุญาต

 

4.6.เพื่อวัตถุประสงค์ทางการตลาด หรือวิเคราะห์กลยุทธ์ในการจัดการและพฤติกรรมของผู้ใช้เว็บไซต์ ผลิตภัณฑ์ และบริการ การพัฒนา ปรับปรุง ฟังก์ชันต่างๆ บนเว็บไซต์ เพื่อให้สามารถดำเนินธุรกิจได้ รวมถึงการติดต่อสื่อสารทางการตลาดที่เกี่ยวกับผลิตภัณฑ์และบริการของบริษัท และพันธมิตรของบริษัทผ่านช่องทางที่บริษัทกำหนด เช่น จดหมาย หนังสือ อีเมล เอสเอ็มเอส แอปพลิเคชัน โซเชียลมีเดีย โทรศัพท์ เป็นต้น 

 

4.7. เพื่อจัดทำชุดข้อมูลโดยไม่เปิดเผยตัวบุคคล (ข้อมูลที่ไม่สามารถระบุตัวบุคคลได้ ได้แก่ ข้อมูลประชากร ข้อมูลเชิงพฤติกรรม และข้อมูลทางเทคนิคที่สรุปมาจากข้อมูลพื้นฐาน) เพื่อการใช้ประโยชน์ของบริษัท และ/หรือบุคคลที่สาม รวมถึงเพื่อส่งข้อความโฆษณาเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์และบริการไปยังลูกค้าบนเว็บไซต์ของบุคคลอื่นได้ โดยที่ชุดข้อมูลดังกล่าวจะไม่มีการเปิดเผย หรือแสดงข้อมูลส่วนบุคคลแต่อย่างใด

 

4.8. เพื่อป้องกันและระงับอันตรายต่อชีวิต ร่างกาย หรือสุขภาพของท่านหรือบุคคลอื่น เช่น การติดต่อในกรณีฉุกเฉิน การควบคุมและป้องกันโรคติดต่อ

 

4.9. เพื่อให้สามารถปฏิบัติตามกฎหมาย เช่น การปฏิบัติตามบทบัญญัติของกฎหมาย กฎระเบียบ และคำสั่งของผู้ที่มีอำนาจตามกฎหมาย

 

4.10. เพื่อการปฏิบัติหน้าที่ในการดำเนินภารกิจเพื่อประโยชน์สาธารณะของท่าน หรือปฏิบัติหน้าที่ในการอำนาจรัฐที่ได้มอบให้

 

ข้อ 5. การประมวลผลข้อมูลข้อมูลส่วนบุคคล 

บริษัทหรือบุคคลที่ได้รับมอบหมายจากบริษัทอาจประมวลข้อมูลส่วนบุคคลของท่านภายใต้เงื่อนไขดังนี้

 

5.1 การเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคล

 

  1. บริษัทจะจัดประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของท่านไว้ในรูปแบบเอกสารและ/หรือในรูปแบบข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ณสถานที่ที่มีการจำกัดสิทธิการเข้าถึงเช่นการเก็บไว้บน Server การเก็บไว้บน Cloud ที่เป็นผู้ให้บริการ โดยใช้วิธีการที่ชอบด้วยกฎหมายและเป็นธรรม โดยในการเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลจะดำเนินการอย่างจำกัดเพียงเท่าที่จำเป็นแก่การให้บริการ ภายใต้วัตถุประสงค์ที่บริษัทกำหนดเท่านั้น ทั้งนี้ ก่อนการดำเนินการดังกล่าวบริษัทจะให้เจ้าของข้อมูล รับรู้ ให้ความยินยอม ทางอิเล็กทรอนิกส์ ข้อความสั้น หรือตามแบบวิธีการของบริษัท และตามเงื่อนไขที่กฎหมายกำหนด

 

ทั้งนี้ หากข้อมูลส่วนบุคคลที่บริษัทเก็บรวบรวมจากท่านมีความจำเป็นสำหรับการปฏิบัติตามกฎหมายของบริษัท หรือเพื่อการเข้าทำสัญญากับท่าน บริษัทอาจจะไม่สามารถให้บริการ หรือดำเนินการเพื่อให้บริการบางส่วน หรือทั้งหมดแก่ท่านได้ หากท่านไม่ได้ให้ข้อมูลส่วนบุคคลเหล่านั้นแก่บริษัทเมื่อบริษัทร้องขอ

 

  1. บริษัทอาจจัดเก็บข้อมูลส่วนบุคคลของท่านซึ่งเกี่ยวกับความสนใจและบริการที่ท่านใช้โดยในการดำเนินการดังกล่าวข้างต้นบริษัทจะขอความยินยอมจากท่านก่อนทำการเก็บรวบรวมเว้นแต่

 

(ก) เพื่อปฏิบัติตามกฎหมาย

(ข) เพื่อประโยชน์แก่การสอบสวนของพนักงานสอบสวนหรือการพิจารณาพิพากษาคดีของศาล

(ค) เพื่อประโยชน์ในกรณีการขอความยินยอมไม่อาจกระทำได้ในเวลานั้น

(ง) เพื่อประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมายของบริษัทหรือของบุคคลหรือนิติบุคคลอื่นที่ไม่ใช่บริษัท

(จ) เพื่อป้องกันหรือระงับอันตรายต่อชีวิตร่างกายหรือสุขภาพของบุคคล

(ฉ) เพื่อการปฏิบัติตามสัญญาซึ่งเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลเป็นคู่สัญญาหรือเพื่อใช้ในการดำเนินการตามคำขอของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเข้าทำสัญญานั้น

(ช) เพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์ที่เกี่ยวกับการจัดทำเอกสารประวัติศาสตร์หรือจดหมายเหตุเพื่อประโยชน์สาธารณะหรือประโยชน์ในการศึกษาวิจัยการจัดทำสถิติซึ่งได้จัดให้มีมาตรการป้องกันที่เหมาะสม

  1. บริษัทอาจเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลอ่อนไหวเพื่อการให้บริการบางรูปแบบเมื่อได้รับความยินยอมเป็นหนังสือจากท่านหรือเมื่อท่านสมัครใจเปิดเผยข้อมูลต่อสาธารณะหรือเมื่อเป็นกรณีที่สามารถดำเนินการได้เพียงเท่าที่ไม่ขัดกับกฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล 
  2. ในกรณีที่เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลเป็นผู้เยาว์คนไร้ความสามารถหรือคนเสมือนไร้ความสามารถบริษัทจะปฏิบัติตามกฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลในการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของบุคคลดังกล่าวโดยคำนึงถึงการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลอย่างสูงสุดโดยมีเงื่อนไขดังนี้ 

 

(ก) ผู้เยาว์ในการประกอบธุรกิจทางการค้าหรือธุรกิจอื่น หรือในการเป็นลูกจ้างในสัญญาจ้างแรงงาน ในความเกี่ยวพันกับการประกอบธุรกิจหรือในกิจการใดที่ผู้เยาว์สามารถกระทำได้เองหรือที่ผู้เยาว์มีฐานะเสมือนดังบุคคลซึ่งบรรลุนิติภาวะแล้ว ทั้งนี้ ในการให้ความยินยอมใด ๆ เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลที่มีฐานะเสมือนเป็นผู้บรรลุนิติภาวะสามารถให้ความยินยอมได้ด้วยตนเอง เว้นแต่เป็นกรณีที่มีกฎหมายกำหนดให้ความยินยอมบางอย่าง จะต้องได้รับความยินยอมจากผู้ใช้อำนาจปกครองที่มีอำนาจกระทำการแทนผู้เยาว์ด้วย

(ข) คนเสมือนไร้ความสามารถ หมายถึง บุคคลที่ศาลสั่งให้เป็นคนเสมือนไร้ความสามารถ เนื่องจากมีกายพิการหรือมีจิตฟั่นเฟือนไม่สมประกอบ หรือประพฤติสุรุ่ยสุร่ายเสเพลเป็นอาจิณ หรือติดสุรายาเมา หรือมีเหตุอื่นใดทำนองเดียวกันนั้น จนไม่สามารถจะจัดทำการงานโดยตนเองได้ หรือจัดกิจการไปในทางที่อาจจะเสื่อมเสียแก่ทรัพย์สินของตนเองหรือครอบครัว ทั้งนี้ ในการให้ความยินยอมใด ๆ จะต้องได้รับความยินยอมจากผู้พิทักษ์ที่มีอำนาจกระทำการแทนคนเสมือนไร้ความสามารถนั้นก่อน เว้นแต่เป็นกรณีที่มีกฎหมายกำหนดให้ความยินยอมบางอย่าง ไม่ต้องได้รับความยินยอมจากผู้พิทักษ์ก่อน

(ค) คนไร้ความสามารถ หมายถึง บุคคลที่ศาลสั่งให้เป็นคนไร้ความสามารถ เนื่องจากเป็นบุคคลวิกลจริต ทั้งนี้ ในการให้ความยินยอมใด ๆ จะต้องได้รับความยินยอมจากผู้อนุบาลที่มีอำนาจกระทำการแทนคนไร้ความสามารถนั้นก่อน

 

5.2.การใช้ข้อมูลส่วนบุคคล

 บริษัทจะใช้ข้อมูลส่วนบุคคลตามวัตถุประสงค์ที่ระบุไว้หรือที่ได้แจ้งให้ท่านทราบในกรณีที่เป็นประโยชน์ต่อการทำงานการดำเนินธุรกิจของบริษัทเพื่อให้ท่านได้รับบริการที่ดีบริษัทจะใช้ข้อมูลส่วนบุคคลให้เป็นไปตามกฎหมายและกฎเกณฑ์ต่างๆที่เกี่ยวข้องหรือเพื่อปรับปรุงบริการให้มีประสิทธิภาพมากขึ้นเพื่อพัฒนามาตรฐานความมั่นคงปลอดภัยสารสนเทศในการบริหารจัดการความเสี่ยงตรวจจับป้องกันกิจกรรมที่มีแนวโน้มในการละเมิดกฎหมายระเบียบการใช้งานที่เกี่ยวข้องหรือข้อตกลงเงื่อนไขการใช้งานเว็บไซต์ของบริษัทรวมถึงเพื่อติดต่อท่านผ่านทางโทรศัพท์ข้อความ (SMS) อีเมลไปรษณีย์หรือผ่านช่องทางใดๆเพื่อสอบถามหรือแจ้งให้ท่านทราบตรวจสอบยืนยันข้อมูลสำรวจความคิดเห็นหรือแจ้งข้อมูลข่าวสารอื่นใดที่เกี่ยวข้องกับผลิตภัณฑ์และบริการของบริษัทตามที่จำเป็นเว้นแต่

 

(ก) เพื่อปฏิบัติตามกฎหมาย

(ข) เพื่อประโยชน์แก่การสอบสวนของพนักงานสอบสวนหรือการพิจารณาพิพากษาคดีของศาล

ค) เพื่อประโยชน์ในกรณีการขอความยินยอมไม่อาจกระทำได้ในเวลานั้น

(ง) เพื่อประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมายของบริษัทหรือของบุคคลหรือนิติบุคคลอื่นที่ไม่ใช่บริษัท

(จ) เพื่อป้องกันหรือระงับอันตรายต่อชีวิตร่างกายหรือสุขภาพของบุคคล

(ฉ) เพื่อการปฏิบัติตามสัญญาซึ่งเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลเป็นคู่สัญญาหรือเพื่อใช้ในการดำเนินการตามคำขอของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเข้าทำสัญญานั้น

(ช) เพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์ที่เกี่ยวกับการจัดทำเอกสารประวัติศาสตร์หรือจดหมายเหตุเพื่อประโยชน์สาธารณะหรือประโยชน์ในการศึกษาวิจัยการจัดทำสถิติซึ่งได้จัดให้มีมาตรการป้องกันที่เหมาะสม

 

5.3 การเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล

บริษัทอาจเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านหรือข้อมูลอื่นๆเกี่ยวกับท่านที่บริษัทจัดเก็บในปัจจุบันและที่จะได้จัดเก็บในอนาคตให้แก่พันธมิตรคู่ค้าบุคคลหรือนิติบุคคลอื่นภายในขอบเขตตามที่ระบุไว้ดังนี้ 

  1. บริษัทอาจเปิดเผยข้อมูลให้กับผู้รับข้อมูลเพื่อสนับสนุนการดำเนินธุรกิจของบริษัทโดยบริษัทจะกำหนดเงื่อนไขตามสัญญาให้ผู้รับข้อมูลดังกล่าวใช้ข้อมูลตามวัตถุประสงค์สำหรับการเปิดเผยเท่านั้นและผู้รับข้อมูลจะต้องทำลายหรือส่งข้อมูลดังกล่าวคืนเมื่อไม่มีความจำเป็นต้องใช้ข้อมูลดังกล่าวอีกต่อไป 
  2. บริษัทอาจเปิดเผยข้อมูลตามที่ได้รับการร้องขอตามความเหมาะสมและเป็นไปตามกฎหมายในกรณีที่บริษัทถูกซื้อกิจการหรือขายกิจการบางส่วนหรือทั้งหมดข้อมูลที่บริษัทเก็บรวบรวมไว้จะถือเป็นสินทรัพย์ที่สามารถโอนให้แก่ผู้ซื้อกิจการได้
  3. บริษัทอาจเปิดเผยข้อมูลภายใต้หลักเกณฑ์ที่กฎหมายกำหนดตามคำสั่งศาลหมายศาลกระบวนการบังคับใช้กฎหมายการไต่สวนโดยหน่วยงานกำกับดูแลหรือกรณีอื่นตามที่กฎหมายกำหนดและในกรณีที่มีการร้องขอให้เปิดเผยข้อมูลโดยอาศัยอำนาจตามกฎหมายคำสั่งแนวทางหรือการร้องขอใดๆจากหน่วยงานของรัฐที่มีอำนาจตามกฎหมายหรือเป็นการร้องขอจากหน่วยงานที่มีความเกี่ยวข้องกับกระบวนการทางกฎหมายรวมถึงในกรณีที่มีความจำเป็นตามสมควรในการบังคับใช้ข้อตกลงและเงื่อนไขการใช้ของโดยในการดำเนินการตามคำร้องขอดังกล่าวบริษัทจะดำเนินการ

 

(ก) เพียงเท่าที่จำเป็นเพื่อการรักษาความมั่นคงแห่งชาติประโยชน์สาธารณะหรือการบังคับใช้กฎหมายหรือ

(ข) ตามกฎหมายกฎระเบียบของทางราชการหรือคำพิพากษาคดีที่กำหนดหน้าที่หรือการอนุญาตไว้โดยชัดแจ้ง

 

4. ในกรณีที่มีการเปิดเผยหรือโอนข้อมูลของท่านไปยังต่างประเทศบริษัทจะปฏิบัติตามหลักเกณฑ์การโอนข้อมูลระหว่างประเทศโดยเข้าทำข้อสัญญามาตรฐานหรือใช้กลไกอื่นที่พึงมีตามกฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองข้อมูลที่ใช้บังคับและบริษัทอาจอาศัยสัญญาการโอนข้อมูลหรือกลไกอื่นที่ได้รับการอนุมัติเพื่อการโอนข้อมูลส่วนบุคคล

5. บริษัทอาจเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านเฉพาะเท่าที่จำเป็นให้แก่ลูกจ้างและผู้รับจ้างที่มีหน้าที่ในการเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคลรวมถึงคู่ค้าลูกค้าของบริษัทหรือบุคคลภายนอกที่บริษัทให้บริการหรือในนามของบริษัทหรือที่บริษัทได้ว่าจ้างให้ทำหน้าที่เป็นผู้ประมวลข้อมูลส่วนบุคคลเช่นการจัดการเกี่ยวกับโปรแกรมในการออกใบกำกับภาษีทั้งในรูปแบบกระดาษและรูปแบบอิเล็กทรอนิกส์

6. บริษัทอาจเปิดเผยส่งโอนข้อมูลส่วนบุคคลให้แก่กลุ่มธุรกิจของบริษัทพันธมิตรทางธุรกิจผู้จำหน่ายผลิตภัณฑ์และให้บริการภายนอกผู้ประมวลผลข้อมูลผู้รับโอนสิทธิหน่วยงาน/องค์กร/นิติบุคคลใดๆที่มีสัญญาอยู่กับบริษัทหรือที่บริษัทมีความสัมพันธ์ด้วยหรือผู้จำหน่ายผลิตภัณฑ์และให้บริการคลาวด์คอมพิวติ้ง (Cloud Computing) ทั้งในประเทศ และต่างประเทศ

 

(ก) บริษัทในกลุ่มบริษัท เอส พี วี ไอ จำกัด (มหาชน)

(ข) ผู้ตรวจสอบบัญชี ทนายความ และที่ปรึกษาด้านต่าง ๆ ลูกจ้าง ผู้ให้บริการ และผู้รับจ้างงานสนับสนุน/ช่วยเหลือ ที่มีหน้าที่ในการเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคล หรือประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลในนามของบริษัท

(ค) พันธมิตร คู่ค้าในเครือข่ายทั่วโลก และพันธมิตรทางธุรกิจของบริษัท(Business Partners) ที่นำข้อมูลของบริษัท ไปใช้เป็นส่วนหนึ่งของการให้บริการ

(ง) หน่วยงานราชการรวมถึงหน่วยงานของรัฐที่มีอำนาจในการขอข้อมูลส่วนบุคคล เช่น สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ศาล สำนักงานอัยการ พนักงานสอบสวน เจ้าหน้าที่ของรัฐที่มีอำนาจในการขอข้อมูลส่วนบุคคล

(จ) หน่วยงานที่ใช้บริการของบริษัทหรือบุคคลที่สามที่เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลได้ขอให้บริษัทเปิดเผยข้อมูล

 

ข้อ 6. หลักกฎหมายที่ใช้ในการประมวลผลข้อมูล

บริษัทดำเนินการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของท่านภายใต้ฐานการประมวลผลดังต่อไปนี้ 

 

6.1 ฐานความยินยอม (Consent) : บริษัทอาจประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของท่านซึ่งท่านได้ให้ความยินยอมแก่บริษัทโดยบริษัทได้แจ้งรายละเอียดการประมวลผลข้อมูลของท่านแล้วตามที่ระบุไว้ในนโยบายฉบับนี้ประกาศความเป็นส่วนตัว (Privacy Notice) รวมถึงข้อกำหนดและเงื่อนไขที่เกี่ยวข้องกับบริการแต่ละรายการเพื่อวัตถุประสงค์ด้านการตลาดการโฆษณาทำการตลาดโดยตรง (Direct Marketing) โดยบริษัทอาจใช้ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านในการนำเสนอสินค้า ผลิตภัณฑ์และบริการ หรือโฆษณาที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้ตรงกับความสนใจกับท่าน และให้ท่านได้รับผลิตภัณฑ์และบริการที่ดียิ่งขึ้น และสอดคล้องกับความต้องการของท่าน รวมถึงเพื่อให้ท่านได้รับข้อเสนอ สิทธิประโยชน์พิเศษ คำแนะนำ และข่าวสารต่างๆ การแจ้งเตือนหรือนำเสนอผลิตภัณฑ์และบริการต่างๆ ประเภทเดียวกันกับที่ท่านมีอยู่กับบริษัท และ/หรือลูกค้าของบริษัท ทั้งนี้ บริษัทจะประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลเมื่อบริษัทได้รับข้อมูลมาจากการที่ท่านให้ความยินยอมแก่บริษัทเอง หรือการที่ท่านให้ความยินยอมแก่บริษัทในกลุ่มลูกค้า/คู่ค้าของบริษัท บุคคลที่บริษัทเป็นตัวแทน นายหน้าผู้จำหน่าย พันธมิตรทางธุรกิจ หรือบุคคลภายนอกที่มีความเกี่ยวข้องกับบริษัท 

 

6.2 ฐานการปฏิบัติตามกฎหมาย (Legal Obligation) : บริษัทอาจประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของท่านเพื่อประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมายและเพื่อการปฏิบัติตามกฎหมายที่เกี่ยวข้องเช่นกฎหมายหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์กฎหมายภาษีอากรกฎหมายป้องกันและปราบปรามการฟอกเงินกฎหมายคอมพิวเตอร์กฎหมายล้มละลายและกฎหมายอื่นๆที่บริษัทจำเป็นต้องปฏิบัติตามทั้งของในประเทศไทยและต่างประเทศรวมถึงประกาศและกฎระเบียบที่ออกตามกฎหมายดังกล่าวโดยหน่วยงานรัฐและ/หรือหน่วยงานที่มีหน้าที่กำกับดูแลบริษัทอาจนำส่งข้อมูลให้แก่ผู้มีอำนาจตามกฎหมายพนักงานเจ้าหน้าที่หน่วยงานรัฐที่มีอำนาจตามกฎหมายในการเรียกข้อมูลที่บริษัทครองครองอยู่ได้เช่นกรมสรรพากรสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภคสำนักงานตำรวจแห่งชาติสำนักงานอัยการศาล เป็นต้น

 

6.3 ฐานจำเป็นเพื่อประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมายโดยไม่เกินขอบเขตที่ท่านสามารถคาดหมายได้อย่างสมเหตุสมผล บริษัทอาจประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน ซึ่งได้แจ้งให้ท่านทราบรายละเอียดการประมวลผลข้อมูลของท่านแล้วตามที่ระบุไว้ในนโยบายฉบับนี้ ประกาศความเป็นส่วนตัว (Privacy Notice) โดยบริษัทอาจนำข้อมูลส่วนบุคคลของท่านไปใช้เพื่อการจำหน่ายผลิตภัณฑ์และให้บริการเพื่อประโยชน์แก่ท่านเอง การวิเคราะห์ข้อมูลการจำหน่ายผลิตภัณฑ์และให้บริการในภาพรวม การจัดทำรายงานเพื่อประชุมในหน่วยงาน รวมถึงนำเสนอคณะผู้บริหารการวิจัย หรือการจัดทำสถิติซึ่งเป็นไปตามวัตถุประสงค์ของการดำเนินงานของบริษัท การปรับปรุงคุณภาพของการจำหน่ายผลิตภัณฑ์และให้บริการ การจัดทำข่าวสารประชาสัมพันธ์ การใช้คุกกี้และ/หรือเว็บบีคอนที่จำเป็นต่อการเข้าชมเว็บไซต์ การบันทึกเสียงทาง Call Center ภาพถ่าย/ภาพเคลื่อนไหว การบันทึกภาพ CCTV การแลกบัตรก่อนเข้าอาคาร การจัดการข้อร้องเรียน การประเมินความพึงพอใจ การบริหารความเสี่ยง การกำกับตรวจสอบ การบริหารจัดการภายในองค์กร รวมถึงการส่งต่อไปยังบริษัทในเครือ การทำให้ข้อมูลส่วนบุคคลเป็นข้อมูลที่ไม่สามารถระบุตัวบุคคลได้ (Anonymous Data) การป้องกัน รับมือ ลดความเสี่ยงที่อาจเกิดการกระทำการทุจริต ภัยคุกคามทางไซเบอร์ การติดต่อ การบันทึกภาพ การบันทึกเสียงเกี่ยวกับการจัดประชุม อบรม สันทนาการ การชิงโชค การแข่งขัน หรือออกบูธ การลงทะเบียน เป็นต้น

 

6.4 ฐานสัญญา (Contract): บริษัทดำเนินการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของท่านเพื่อการจำหน่ายผลิตภัณฑ์และให้บริการ หรือการปฏิบัติตามหน้าที่และเงื่อนไขที่ระบุในสัญญาหรือที่บริษัทมีความจำเป็นต้องเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลของท่านบางประเภทตามที่กำหนดไว้เพื่อให้การทำสัญญาระหว่างท่านกับบริษัท หรือระหว่างท่านกับลูกค้าของบริษัท เพื่อบรรลุวัตถุประสงค์ของการปฏิบัติตามสัญญา และเพื่อการจำหน่ายผลิตภัณฑ์และให้บริการตามคำขอ ตอบข้อซักถาม ยืนยันตัวตนในการใช้ผลิตภัณฑ์และบริการ ทำการตลาด ส่งเสริมการขาย สำรวจความต้องการและความพึงพอใจ วิเคราะห์ข้อมูลการจำหน่ายผลิตภัณฑ์และการให้บริการ โดยหากท่านไม่ตกลงยินยอมให้ข้อมูลส่วนบุคคล จะส่งผลให้การดำเนินการดังกล่าวนั้นไม่อาจเกิดขึ้นได้

 

ข้อ 7. สิทธิในการได้รับการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล

7.1 บริษัทเคารพสิทธิส่วนบุคคลของท่านและเปิดโอกาสให้ท่านสามารถเลือกวิธีการควบคุมหรือวิธีการที่บริษัทใช้ติดต่อท่านโดยบริษัทจะปฏิบัติตามที่ท่านได้ร้องขอเพื่อช่วยให้เกิดความโปร่งใสและเพื่อคุณภาพของข้อมูลและความถูกต้องของข้อมูลท่านมีสิทธิตามกฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลในการดำเนินกิจกรรมใดๆหรือทุกกิจกรรมของบริษัทโดยส่งคำขอให้บริษัททราบเป็นลายลักษณ์อักษรผ่านช่องทางที่บริษัทกำหนดนอกจากสิทธิดังกล่าวข้างต้นเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลยังมีสิทธิในการดำเนินการดังต่อไปนี้

  1. สิทธิขอถอนความยินยอม : หากท่านได้ให้ความยินยอมในการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน (ไม่ว่าจะเป็นความยินยอมที่ท่านให้ไว้ก่อนวันที่กฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลใช้บังคับหรือหลังจากนั้น) ท่านมีสิทธิที่จะถอนความยินยอมเมื่อใดก็ได้ตลอดระยะเวลาที่ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านอยู่กับบริษัท ทั้งนี้ บริษัทขอแจ้งให้ท่านทราบว่า การเพิกถอนความยินยอมไม่ส่งผลกระทบต่อการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลที่ท่านได้ให้ความยินยอมไว้แล้วโดยชอบ เว้นแต่มีข้อจำกัดสิทธินั้นโดยกฎหมาย หรือโดยสภาพไม่สามารถถอนความยินยอมได้ หรือมีสัญญาระหว่างท่านกับบริษัท 

 

ทั้งนี้การถอนความยินยอมของท่านอาจส่งผลกระทบต่อท่านจากการใช้บริการต่างๆเช่นท่านจะไม่ได้รับสิทธิประโยชน์โปรโมชั่นหรือข้อเสนอใหม่ๆไม่ได้รับบริการที่สอดคล้องกับความต้องการของท่านหรือไม่ได้รับข้อมูลข่าวสารอันเป็นประโยชน์แก่ท่านเป็นต้นเพื่อประโยชน์ของท่านจึงควรศึกษาและสอบถามถึงผลกระทบก่อนเพิกถอนความยินยอม

 

  1. สิทธิขอเข้าถึงข้อมูล : ท่านมีสิทธิขอเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคลของท่านที่อยู่ในความรับผิดชอบของบริษัท และขอให้บริษัททำสำเนาข้อมูลดังกล่าวให้แก่ท่าน รวมถึงขอให้บริษัทเปิดเผยว่าบริษัทได้ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านมาได้อย่างไร เว้นแต่ กรณีที่บริษัทมีสิทธิปฏิเสธคำขอของท่านตามกฎหมาย หรือคำสั่งของศาล หรือกรณีที่คำขอของท่านจะมีผลกระทบที่อาจก่อให้เกิดความเสียหายต่อสิทธิและเสรีภาพของบุคคลอื่น
  2. สิทธิขอถ่ายโอนข้อมูล : ท่านมีสิทธิขอให้โอนข้อมูลส่วนบุคคลของท่านในกรณีที่บริษัทได้จัดทำข้อมูลส่วนบุคคลนั้นอยู่ในรูปแบบให้สามารถอ่านหรือใช้งานได้ด้วยเครื่องมือหรืออุปกรณ์ที่ทำงานได้โดยอัตโนมัติ และสามารถใช้หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลได้ด้วยวิธีการอัตโนมัติ รวมทั้งมีสิทธิขอให้บริษัทส่งหรือโอนข้อมูลส่วนบุคคลในรูปแบบดังกล่าวไปยังผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลอื่นเมื่อสามารถทำได้ด้วยวิธีการอัตโนมัติ และมีสิทธิขอรับข้อมูลส่วนบุคคลที่บริษัทส่งหรือโอนข้อมูลส่วนบุคคลในรูปแบบดังกล่าวไปยังผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลอื่นโดยตรง เว้นแต่ไม่สามารถดำเนินการได้เพราะเหตุทางเทคนิค

 

ทั้งนี้ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านข้างต้นต้องเป็นข้อมูลส่วนบุคคลที่ท่านได้ให้ความยินยอมแก่บริษัทหรือเป็นข้อมูลส่วนบุคคลที่บริษัทจำเป็นต้องเก็บรวบรวมใช้เปิดเผยเพื่อให้ท่านสามารถใช้บริการของบริษัทได้ตามความประสงค์ซึ่งท่านเป็นคู่สัญญาอยู่กับบริษัทหรือลูกค้าของบริษัทหรือเพื่อใช้ในการดำเนินการตามคำขอของท่านก่อนใช้บริการหรือเป็นข้อมูลส่วนบุคคลอื่นตามที่ผู้มีอำนาจตามกฎหมายกำหนด

  1. สิทธิขอคัดค้าน : ท่านมีสิทธิขอคัดค้านการเก็บรวบรวม ใช้ เปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านในเวลาใดก็ได้ หากการเก็บรวบรวม ใช้ เปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านทำขึ้นเพื่อการดำเนินงานที่จำเป็นภายใต้ประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมายของบริษัท หรือของบุคคลหรือนิติบุคคลอื่นโดยไม่เกินขอบเขตที่ท่านสามารถคาดหมายได้อย่างสมเหตุสมผล หรือเพื่อดำเนินการตามภารกิจเพื่อสาธารณประโยชน์ หากท่านยื่นคัดค้าน บริษัทจะยังคงดำเนินการเก็บรวบรวม ใช้ เปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านต่อไปเฉพาะที่บริษัทสามารถแสดงเหตุผลตามกฎหมายได้ว่ามีความสำคัญยิ่งกว่าสิทธิขั้นพื้นฐานของท่าน หรือเป็นไปเพื่อการยืนยันสิทธิตามกฎหมาย การปฏิบัติตามกฎหมาย หรือการต่อสู้ในการฟ้องร้องตามกฎหมาย ตามแต่ละกรณี

 

นอกจากนี้ท่านยังมีสิทธิขอคัดค้านการเก็บรวบรวมใช้เปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านที่ทำขึ้นเพื่อวัตถุประสงค์เกี่ยวกับการตลาดหรือเพื่อวัตถุประสงค์เกี่ยวกับการศึกษาวิจัยทางวิทยาศาสตร์ประวัติศาสตร์หรือสถิติได้อีกด้วย

  1. สิทธิขอให้ลบหรือทำลายข้อมูล : ท่านมีสิทธิขอลบหรือทำลายข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน หรือทำให้ข้อมูลส่วนบุคคลเป็นข้อมูลที่ไม่สามารถระบุตัวท่านได้ หากท่านเชื่อว่าข้อมูลส่วนบุคคลของท่านถูกเก็บรวบรวม ใช้ เปิดเผยโดยไม่ชอบด้วยกฎหมายที่เกี่ยวข้อง หรือเห็นว่าบริษัทหมดความจำเป็นในการเก็บรักษาไว้ตามวัตถุประสงค์ที่เกี่ยวข้องในนโยบายฉบับนี้ หรือเมื่อบริษัทเห็นว่าสามารถปฏิบัติตามที่ท่านได้ใช้สิทธิขอถอนความยินยอมหรือใช้สิทธิขอคัดค้านตามที่แจ้งไว้ข้างต้นแล้ว
  2. สิทธิขอให้ระงับการใช้ข้อมูล : ท่านมีสิทธิขอให้ระงับการใช้ข้อมูลส่วนบุคคลชั่วคราวในกรณีที่บริษัทอยู่ระหว่างตรวจสอบตามคำร้องขอใช้สิทธิขอแก้ไขข้อมูลส่วนบุคคลหรือขอคัดค้านของท่าน หรือกรณีอื่นใดที่บริษัทหมดความจำเป็นและต้องลบหรือทำลายข้อมูลส่วนบุคคลของท่านตามกฎหมายที่เกี่ยวข้องแต่ท่านขอให้บริษัทระงับการใช้แทน
  3. สิทธิขอให้แก้ไขข้อมูล : ท่านมีสิทธิขอแก้ไขข้อมูลส่วนบุคคลของท่านให้ถูกต้อง เป็นปัจจุบัน สมบูรณ์ และไม่ก่อให้เกิดความเข้าใจผิด
  4. สิทธิร้องเรียน : ท่านมีสิทธิร้องเรียนต่อผู้มีอำนาจตามกฎหมายที่เกี่ยวข้อง หากท่านเชื่อว่าการเก็บ รวบรวม ใช้ เปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน เป็นการกระทำในลักษณะที่ฝ่าฝืน หรือไม่ปฏิบัติตามกฎหมายที่เกี่ยวข้อง

 

7.2 การร้องขอใด ๆ เพื่อการใช้สิทธิของท่านตามที่กล่าวข้างต้น จะต้องกระทำเป็นลายลักษณ์อักษร โดยหากท่านประสงค์ที่จะใช้สิทธิใด ๆ ดังกล่าวข้างต้น โปรดติดต่อเจ้าหน้าที่คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลผ่านช่องทางที่ระบุไว้ โดยบริษัทจะตอบกลับมายังท่านภายในระยะเวลาที่สมเหตุสมผล และไม่เกินระยะเวลาที่กฎหมายกำหนด

 

7.3 บริษัทอาจคิดค่าธรรมเนียมสำหรับการปฏิบัติตามคำร้อขอ ทั้งนี้ ขึ้นกับดุลพินิจของบริษัทแต่เพียงผู้เดียว โดยบริษัทจะใช้ความพยายามทุกวิถีทาง เพื่อแก้ไขข้อร้องเรียนหรือปัญหาต่าง ๆ โดยเร็วที่สุดเท่าที่ทำได้ อย่างไรก็ตามอาจเกิดข้อจำกัดในการขอใช้สิทธิของท่านบางประการ โดยบริษัทจะทำการชี้แจงให้ท่านทราบหากไม่สามารถปฏิบัติตามคำร้องขอใช้สิทธิของท่านได้ โดยข้อจำกัดดังกล่าวเป็นไปตามที่กฎหมายกำหนด

 

7.4 บริษัทอาจปฏิเสธที่จะดำเนินการตามคำร้องขอของท่านได้ หากบริษัท มีความจำเป็นที่จะต้องเก็บข้อมูลต่อไปเพื่อการกระทำ ดังต่อไปนี้

 

  1. เพื่อทำรายการใด ๆ ตามวัตถุประสงค์ที่บริษัท เก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลนั้น เพื่อการปฏิบัติตามสัญญาระหว่างบริษัทกับท่าน หรือการให้บริการตามที่ท่านร้องขอ หรือดำเนินการตามสมควรภายในขอบเขตความสัมพันธ์ทางธุรกิจระหว่างบริษัท กับท่าน 
  2. เพื่อตรวจสอบเหตุการณ์เกี่ยวกับการรักษาความมั่นคงปลอดภัย ป้องกันการกลั่นแกล้ง การฉ้อฉล การฉ้อโกง หรือการกระทำผิดกฎหมาย หรือฟ้องร้องดำเนินคดีกับบุคคลที่ต้องรับผิดชอบต่อการกระทำดังกล่าว
  3. เพื่อตรวจสอบการทำงาน การให้บริการ และเพื่อหาและแก้ไขข้อผิดพลาด
  4. เพื่อทำการศึกษาวิจัยเชิงวิทยาศาสตร์ เชิงประวัติ หรือเชิงสถิติโดยทั่วไป หรือโดยผู้ชำนาญการ เพื่อประโยชน์สาธารณะ โดยคำนึงถึงจรรยาบรรณและกฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลที่เกี่ยวข้องทั้งหมด เมื่อการลบข้อมูลนั้นจะทำให้ไม่สามารถบรรลุหรือขัดขวางการบรรลุผลสำเร็จในการศึกษาวิจัยอย่างมีนัยสำคัญ 
  5. เพื่อใช้เป็นการภายในตามสมควรโดยสอดคล้องกับความคาดหมายของท่านที่มีความสัมพันธ์เกี่ยวข้องกับบริษัท และสอดคล้องกับบริบทที่ท่านได้ให้ข้อมูลดังกล่าวไว้แต่แรก และ
  6. เพื่อปฏิบัติหน้าที่ตามกฎหมาย ข้อบังคับ กฎ หรือระเบียบที่เกี่ยวข้อง 

 

ข้อ 8. ระยะเวลาในการจัดเก็บข้อมูล

 

8.1.บริษัทจะใช้มาตรการรักษาความปลอดภัยที่เหมาะสมเพื่อดำเนินการตามคำขอของท่านโดยบริษัทจะเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคลของท่านไว้ภายใต้ระยะเวลาดังนี้

8.1.1. กรณีที่ท่านให้ข้อมูลแก่บริษัทในฐานะที่ท่านเป็นลูกค้า คู่สัญญา ผู้ใช้บริการ บริษัทจะเก็บข้อมูลท่านไว้ตราบเท่าที่จำเป็นเพื่อการจำหน่ายผลิตภัณฑ์และให้บริการแก่ท่าน และจะเก็บต่อไปอีก 10 (สิบ) ปี นับถัดจากปีที่สิ้นสุดการซื้อผลิตภัณฑ์และ/หรือใช้บริการ

8.1.2. กรณีการเข้าชมเว็บไซต์ บริษัทเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลของท่านไว้  (2 ปี) นับแต่ที่ท่านเข้าใช้ผลิตภัณฑ์และบริการบนเว็บไซต์ 

8.1.3. กรณีอื่น ๆ บริษัทจะเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคลตามระยะเวลาที่กฎหมายกำหนด และในกรณีที่กฎหมายไม่ได้กำหนดระยะเวลาในการเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคลไว้เป็นการเฉพาะ บริษัทจะกำหนดระยะเวลาในการเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคลตามที่จำเป็นและเหมาะสมกับลักษณะของข้อมูลส่วนบุคคลและวัตถุประสงค์ของการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลดังกล่าว 

 

8.2. เมื่อพ้นระยะเวลาที่กำหนดแล้วบริษัทจะดำเนินการลบทำลายทำให้ข้อมูลส่วนบุคคลดังกล่าวเป็นข้อมูลที่ไม่สามารถระบุตัวบุคคลที่เป็นเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลได้หรือดำเนินการอื่นใดตามที่กฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลกำหนดเพื่อให้การคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพอย่างไรก็ตามบริษัทจะเก็บรักษาข้อมูลบางอย่างไว้นานกว่าที่ระบุข้างต้นหากจำเป็นเพื่อวัตถุประสงค์ทางธุรกิจหรือโดยชอบตามกฎหมายเช่นเพื่อความปลอดภัยเพื่อการป้องกันการละเมิดหรือการประพฤติมิชอบหรือเพื่อการเก็บบันทึกทางการเงินเป็นต้น

 

ข้อ 9. การใช้คุกกี้และเว็บบีคอน

9.1. คุกกี้ (Cookies) หมายถึง ข้อมูลขนาดเล็กที่เว็บไซต์ส่งไปเก็บไว้กับเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลที่เข้าชมเว็บไซต์ เพื่อช่วยให้เว็บไซต์จดจำข้อมูลเข้าชมของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล เช่น ภาษาที่เลือกใช้เป็นอันดับแรก ผู้ใช้ของระบบ หรือการตั้งค่าอื่น ๆ เมื่อเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลเข้าชมเว็บไซต์ในครั้งถัดไป เว็บไซต์จะจดจำได้ว่าเป็นผู้ใช้ที่เคยเข้าใช้ผลิตภัณฑ์และบริการแล้ว และตั้งค่าตามที่เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลกำหนด จนกว่าเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลจะลบคุกกี้ หรือไม่อนุญาตให้คุกกี้ นั้นทำงานอีกต่อไป 

 

9.2. บริษัทใช้คุกกี้เพื่อเก็บข้อมูลการล็อกอิน (Login) ล็อกเอาท์ (Logout) หรือข้อมูลอื่นในคอมพิวเตอร์ของท่าน เมื่อท่านเข้าชมเว็บไซต์ เพื่อปรับปรุงการทำงานของเว็บไซต์ของบริษัทการตลาด และเนื้อหาในเว็บไซต์ของบริษัท และเพื่อการจำหน่ายผลิตภัณฑ์และให้บริการต่าง ๆ ของบริษัท เป็นไปตามความพึงพอใจและความสนใจของท่าน คุกกี้ทำให้บริษัท สามารถวิเคราะห์กิจกรรมต่าง ๆ เกี่ยวกับเว็บไซต์ของบริษัทได้ อาทิ วันที่ เวลา และหน้าเว็บไซต์ที่เข้าชม ตลอดจนเว็บไซต์ต้นทางที่ท่าน หรือผู้เข้าชมรายใหม่เชื่อมโยงมาที่เว็บไซต์ ป้องกันและตรวจจับการดำเนินการที่ต้องห้ามหรือไม่ได้รับอนุญาต สำหรับผลิตภัณฑ์และบริการบางประเภท บริษัทเสนอทางเลือกให้ท่านในการเก็บข้อมูลรหัสผู้ใช้หรือรหัสผ่านไว้ในคุกกี้ได้โดยที่ลูกค้าไม่จำเป็นต้องใส่ข้อมูลดังกล่าวอีกเมื่อกลับมายังเว็บไซต์ของบริษัท ในภายหลัง บริษัทอาจใช้แฟลชคุกกี้ (Flash Cookie) เพื่อแสดงเนื้อหาตามสิ่งที่ท่านดูบนเว็บไซต์ของบริษัทเพื่อกำหนดลักษณะเฉพาะตัวในการเข้าใช้งาน

 

ดังนั้นเมื่อท่านเลือกผลิตภัณฑ์และบริการใดๆของบริษัทลงทะเบียนรับข่าวสารหรือการแจ้งทางอีเมลกรอกข้อมูลแบบฟอร์มออนไลน์หรือกรอกแบบสอบถามบริษัทอาจพยายามระบุเบราว์เซอร์ของท่านและนำข้อมูลจากคุกกี้และข้อมูลอื่นที่เก็บรวบรวมออนไลน์ไปใช้ร่วมกับข้อมูลอื่นที่อยู่ในความครอบครองของบริษัท

 

9.3. เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลสามารถตั้งค่าความเป็นส่วนตัว โดยเลือกที่จะยอมรับหรือไม่รับคุกกี้ก็ได้ ทั้งนี้ กรณีท่านเลือกที่จะไม่ยอมรับหรือลบคุกกี้ เว็บไซต์อาจจะไม่สามารถจำหน่ายผลิตภัณฑ์และให้บริการหรือไม่สามารถแสดงผลได้อย่างถูกต้องได้อย่างเต็มที่และมีประสิทธิภาพ ซึ่งอาจส่งผลให้การเข้าถึงและการใช้งานบางฟังก์ชันช้าลง หรือมีความสะดวกลดลง

 

9.4. ในบางกรณี บริษัท มีการใช้เว็บบีคอน (Web Beacon) เพื่อรวบรวมสถิติเกี่ยวกับการใช้งานเว็บไซต์ของบริษัทบางเว็บไซต์ของบริษัท ใช้เว็บบีคอนร่วมกับคุกกี้ อีเมลของบริษัท บางฉบับอาจมีระบบติดตามที่เรียกว่าพิกเซล (Pixel) หรือรหัส (Code) เพื่อรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับพฤติกรรมการใช้อีเมลและข้อมูลการวิเคราะห์ บริษัทอาจแบ่งปันการใช้ข้อมูลเข้ารหัสดังกล่าวกับบุคคลที่สามเพื่อวัตถุประสงค์ในการวิเคราะห์ข้อมูลเกี่ยวกับอีเมลได้

 

ข้อ 10. การรักษาความมั่นคงปลอดภัยของข้อมูล

บริษัทตระหนักถึงความสำคัญของการรักษาความมั่นคงปลอดภัยของข้อมูลส่วนบุคคลของท่านบริษัทจึงกำหนดให้มีมาตรการในการรักษาความมั่นคงปลอดภัยของข้อมูลส่วนบุคคลอย่างเหมาะสมและสอดคล้องกับการรักษาความลับของข้อมูลส่วนบุคคลเพื่อป้องกันการสูญหาย การเข้าถึง ทำลาย ใช้ แปลง แก้ไขหรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลโดยไม่มีสิทธิหรือโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย ตลอดจนการป้องกันมิให้มีการนำข้อมูลส่วนบุคคลไปใช้โดยมิได้รับอนุญาตซึ่งบริษัทกำหนดสิทธิในการเข้าถึง หรือการใช้ข้อมูลส่วนบุคคลของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล เพื่อรักษาความลับและความปลอดภัยของข้อมูล ดังนี้ 

 

10.1 บริษัทจะใช้มาตรการรักษาความมั่นคงปลอดภัยของข้อมูลทางเทคนิคทางกายภาพและทางธุรการที่เหมาะสมเพื่อป้องกันการเข้าถึงและเปิดเผยข้อมูลโดยไม่ได้รับอนุญาตและสอดคล้องกับการดำเนินธุรกิจของบริษัทและมาตรฐานที่รับรองโดยทั่วไปบริษัทกำหนดให้ลูกจ้างของบริษัทเข้ารับการฝึกอบรมเกี่ยวกับการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลและการรักษาความมั่นคงปลอดภัยของข้อมูลนอกจากนี้บริษัทยังมีการจัดจ้างบริษัทภายนอกเพื่อดำเนินการตรวจสอบสถานะให้แน่ใจว่าคู่ค้าของบริษัทมีการใช้มาตรการในการเก็บรวบรวมประมวลผลโอนย้ายจัดการและรักษาความมั่นคงปลอดภัยของข้อมูลอย่างเพียงพอในการจำหน่ายผลิตภัณฑ์และให้บริการในนามของบริษัทอีกทั้งบริษัทจะมีการสอบทานและปรับปรุงมาตรการดังกล่าวตามความจำเป็นเพื่อให้แน่ใจว่าการประมวลผลข้อมูลดังกล่าวเป็นไปตามมาตรฐานต่างๆของประเทศและกฎระเบียบที่เกี่ยวข้อง

 

10.2  บริษัทจะกำหนดนโยบาย ระเบียบ แนวปฏิบัติ และขั้นตอนวิธีการต่าง ๆ เพื่อการจัดการข้อมูลอย่างปลอดภัย และป้องกันการเข้าถึงโดยไม่ได้รับอนุญาตดังนี้

 

1. กำหนดนโยบายและขั้นตอนการปฏิบัติงานที่ชัดเจน เพื่อการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล และเพื่อจัดการข้อมูลให้เป็นไปตามที่กฎหมายกำหนดอย่างปลอดภัย

2. ไม่จำหน่ายหรือขายข้อมูลส่วนบุคคลของท่านไม่ว่ากรณีใด และจะไม่โอนข้อมูลส่วนบุคคลของท่านไปยังบุคคลอื่นที่ไม่ใช่ผู้ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของบริษัท 

3. จำกัดสิทธิลูกจ้างของบริษัท ในการเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคล

4. ป้องกันการเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคลโดยไม่ได้รับอนุญาต โดยจัดให้มีการเข้ารหัสข้อมูล การตรวจสอบตัวตนและเทคโนโลยีการตรวจจับไวรัส ตามความจำเป็น

5. กำหนดให้คู่ค้าที่ทำธุรกิจกับบริษัท ต้องปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ตามกฎหมายและระเบียบต่าง ๆ ว่าด้วยการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลและกำหนดข้อจำกัดการใช้ข้อมูลส่วนบุคคลในสัญญาที่บริษัท ทำกับคู่ค้าแต่ละราย

6. ติดตามตรวจสอบเว็บไซต์ของบริษัท ผ่านหน่วยงานที่มีความเชี่ยวชาญด้านการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลและการรักษาความมั่นคงปลอดภัย

7. ตรวจสอบ และจัดให้มีการฝึกอบรมเกี่ยวกับการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลแก่คณะทำงานของบริษัท 

8. ประเมินผลแนวปฏิบัติเกี่ยวกับการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล การจัดการข้อมูล และการรักษาความมั่นคงปลอดภัยของข้อมูลของบริษัท อย่างสม่ำเสมอ

 

ข้อ 11. การเชื่อมโยงไปยังเว็บไซต์ ผลิตภัณฑ์และบริการของบุคคลภายนอก

เว็บไซต์ของบริษัทอาจมีลิงค์เชื่อมโยงไปยังเว็บไซต์ของบุคคลภายนอกซึ่งบุคคลภายนอกเหล่านั้นอาจเก็บรวบรวมข้อมูลบางอย่างเกี่ยวกับการใช้ผลิตภัณฑ์และบริการ และข้อมูลส่วนบุคคล โดยบริษัทไม่สามารถรับผิดชอบในความปลอดภัยหรือความเป็นส่วนตัวของข้อมูลใด ๆ ที่เก็บรวบรวมโดยเว็บไซต์ ของบุคคลภายนอกดังกล่าว เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลควรใช้ความระมัดระวังและตรวจสอบนโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของเว็บไซต์ ของบุคคลภายนอกเหล่านั้นให้ละเอียดก่อนการใช้ผลิตภัณฑ์และบริการ

 

ข้อ 12. การใช้ข้อมูลส่วนบุคคลตามวัตถุประสงค์เดิม

บริษัทมีสิทธิ์ในการเก็บรวบรวมและใช้ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านที่บริษัทได้เก็บรวบรวมไว้ก่อนวันที่พระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลในส่วนที่เกี่ยวข้องกับการเก็บรวบรวมใช้และการเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลมีผลใช้บังคับต่อไปตามวัตถุประสงค์เดิมหากท่านไม่ประสงค์ที่จะให้บริษัทเก็บรวบรวมและใช้ข้อมูลส่วนบุคคลดังกล่าวต่อไปท่านสามารถแจ้งบริษัทเพื่อขอถอนความยินยอมของท่านเมื่อใดก็ได้ผ่านช่องทางที่บริษัทกำหนด

 

ข้อ 13. ช่องทางการติดต่อบริษัท

หากท่านเห็นว่าการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของท่านไม่เป็นไปตามพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลพ.ศ.2562 ท่านมีสิทธิที่จะร้องเรียนไปยังเจ้าหน้าที่คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล

ที่อยู่ : บริษัท เอส พี วี ไอ จำกัด (มหาชน) เลขที่ 1213/58-59 ซอย ลาดพร้าว 94

ถนน ศรีวรา แขวง พลับพลา เขตวังทองหลาง กรุงเทพมหานคร 10310

หรือ email : [email protected]

 

ข้อ 14. การแก้ไขเปลี่ยนแปลงนโยบาย 

   บริษัทอาจทำการปรับปรุงหรือแก้ไขนโยบายการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลโดยมิต้องแจ้งให้เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลทราบล่วงหน้าทั้งนี้เพื่อความเหมาะสมและมีประสิทธิภาพในการให้บริการดังนั้นบริษัทจึงขอแนะนำให้เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลอ่านนโยบายการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล ทุกครั้งที่เยี่ยมชมหรือใช้บริการจากบริษัทหรือเว็บไซต์ของบริษัท

 

     หากบริษัท มีการเปลี่ยนแปลงในสาระสำคัญเกี่ยวกับแนวปฏิบัติว่าด้วยการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล บริษัทจะปรับปรุงและแก้ไขนโยบายฉบับนี้ และแสดงบนเว็บไซต์ของบริษัท เพื่อให้ท่านได้ทราบถึงวิธีการที่บริษัท เก็บรวบรวม ใช้ จัดการ เปิดเผย และคุ้มครองข้อมูล