แค่มี iPad ก็ได้ 8 แอปฟรีพร้อมใช้เรียนทันที! จะการบ้านวิชาไหนก็สบาย

8 แอปฟรีใช้ได้ทันทีไม่ต้องโหลด! ให้ iPad เป็นตัวช่วยจะทำการบ้านหรือกิจกรรมอื่นๆ ก็พร้อมรับมือ

เปิด iPad ปุ๊บก็เรียนได้ปั๊บด้วย 8 แอปฟรีติดเครื่อง iPad ซื้อมาแล้วใช้ได้เลยทันทีไม่ต้องโหลด ไม่ว่าจะวิชาไหน จะการบ้านอะไรก็เป็นตัวช่วยเพื่อนๆ ได้ทันที ทั้งการพิมพ์รายงาน การทำสไลด์นำเสนอหน้าห้องเรียน จะจดเนื้อหา ทำ Mind Map ก็มีแอปรองรับ ไม่พลาดกำหนดงานที่ต้องส่งด้วยการแจ้งเตือนบนแอปปฏิทิน หรือใครที่เรียนภาษาอื่นๆ ไม่ว่าจะภาษาอังกฤษ ภาษาจีน ภาษาญี่ปุ่น ก็มีแอปแปลภาษามาพร้อม วันนี้ EDU Store by SPVi จะมาแนะนำ 8 แอปฟรีที่มีมาให้พร้อม iPad ใช้เรียนได้ทันที อัปเดตเวอร์ชั่นใหม่ได้ตลอดการใช้งานให้ทุกคนทำงานบน iPad ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น

1) ไม่พลาดทุกกิจกรรมแค่ใช้แอปปฏิทิน

ปกติแล้วเราอาจจะแค่ใช้แอปปฏิทินไว้เพื่อเปิดดูวันที่และวันในสัปดาห์เพื่อจัดการตารางงานหรือวางแผนกิจกรรมต่างๆ แต่แอปปฏิทินบน iPad ช่วยให้เราสามารถบันทึกสิ่งที่ต้องทำในแต่ละวันลงไปได้ในตัวเลย ระบุชื่องาน เวลา สถานที่ แนบไฟล์ให้คนอื่นดาวน์โหลดและเปิดดูได้ และถ้าหากใครขี้ลืมก็ไม่ต้องห่วงเพราะมีตัวเลือกให้ตั้งแจ้งเตือนสิ่งที่ต้องทำในวันนั้นๆ ใครที่มีกำหนดงานต้องส่งในแต่ละวัน มีประชุมสำคัญหรือต้องออกไปข้างนอกแอปปฏิทินช่วยได้แน่นอน

2) จดโน้ตได้ง่ายๆ ด้วยแอปโน้ต

ถ้าพูดถึง iPad แล้วเรื่องการจดงานก็เป็นของคู่กันที่ต้องนึกถึง แอปโน้ต เป็นอีกหนึ่งแอปที่ช่วยให้เราทำงานบน iPad ได้เป็นระเบียบขึ้น ใครที่มีประชุมบ่อยหรือต้องคอยจดสิ่งต่างๆ อยู่ตลอดทั้งวันสามารถเขียนหรือสั่งให้ iPad พิมพ์ตามคำบอกได้ ยังมีเส้นและตารางที่ช่วยแบ่งเนื้อหาของโน้ตได้อย่างเป็นระเบียบ

3) จะอยู่ที่ไหนก็ทำงานได้ผ่านแอปไฟล์

แอปไฟล์เป็นแอปที่ใช้จัดการเก็บไฟล์งานต่างๆ ทั้ง Pages, Numbers และ Keynote รวมถึงไฟล์รูปภาพ ไฟล์PDF อื่นๆ สำหรับใครที่ปกติทำงานบน MacBook สามารถเปิดใช้ iCloud Drive เพื่อเปิดดูไฟล์งานที่อยู่บน MacBook แล้วมาทำต่อบน iPad ได้อย่างง่ายดาย

นอกจากนี้แล้วใครที่มี USB, SD Card หรือฮาร์ดไดร์ฟก็สามารถเสียบต่อแล้วเปิดดูไฟล์บน iPad ได้เลย รวมถึงเข้าถึงไฟล์ที่เก็บอยู่บนพี้นที่จัดเก็บข้อมูลบนคลาวด์ของผู้ให้บริการรายอื่นๆ เช่น Box, Dropbox หรือ Google Drive ได้เช่นกัน

4) ประชุมได้ไม่มีสะดุดด้วย FaceTime

แน่นอนว่าวิชาเรียนหลายวิชาก็จะต้องมีการทำงานกลุ่ม มักจะต้องมีการประชุมทีม ขอความเห็นหรือพูดคุยกับหลายคนอยู่เสมอ จะให้พิมพ์อธิบายผ่านข้อความอย่างเดียวก็อาจสื่อสารผิดพลาดและล่าช้าได้ แต่แค่ใช้ FaceTime ก็วิดีโอคอลหรือโทรคุยกับคนอื่นได้ง่ายๆ ตอนนี้ FaceTime รองรับการโทรได้พร้อมกันสูงสุด 32 คน จะอยู่ที่ไหนก็ติดต่อกันได้สบายๆ ลดค่าใช้จ่ายในการเดินทางที่เกี่ยวกับการประชุมได้อีกด้วย

5) พร้อมเริ่มต้นทุกงานไปกับ iWork

พร้อมทำงานได้เลยทันทีไม่ว่าจะเป็นไฟล์เอกสาร งานสเปรดชีทและงานนำเสนอ แอปทำงานบน iPad ที่ช่วยเริ่มต้นกับทุกงานเบสิคได้อย่าง Pages, Numbers และ Keynote ข้อดีคือเราสามารถแชร์ไฟล์หรือตั้งเป็น Collaborate ให้คนอื่นดู แก้ไข ทำงานร่วมกันบนไฟล์เดียวกับเราได้เลย รวมถึงสร้างและแก้ไขเอกสารจาก Microsoft Office ได้ พร้อมมีเทมเพลตเริ่มต้นให้เลือกหลากหลาย

6) จะกี่ไอเดียก็จดได้หมดที่ Freeform

นอกจากแอปโน้ตที่เป็นตัวช่วยในเรื่องของการจดบันทึกก็ขอแนะนำ Freeform แอปน้องใหม่มาแรงด้านการจดงาน ใช้ได้ทุกทิศทุกมุมเหมือนจดงานด้วยกระดาษแผ่นใหญ่ๆ ซึ่งจะมีเครื่องมือที่คล้ายกับแอปโน้ตใช้งานร่วมกับ Apple Pencil ได้ แทรกลิงก์ เพิ่มรูปภาพหรือวิดีโอ สแกนเอกสาร พิมพ์ข้อความ และมีรูปทรงหมวดต่างๆ ให้ใช้ประกอบ

7) ทำสิ่งต่างๆ ได้เร็วขึ้นด้วยคำสั่งลัด

ลดขั้นตอนการทำงานของแอปต่างๆ ได้แบบรวดเร็ว แตะปุ๊ปสั่งการปั๊ปเพียงแค่ครั้งเดียวด้วยแอปคำสั่งลัดหรือ Shortcuts เป็นอีกหนึ่งตัวช่วยให้การทำงานบน iPad สะดวกวมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการโทรด่วน ตั้งเวลาห้ามรบกวนเมื่อต้องเข้าประชุม สร้าง qr code หรือแชร์ Wi-Fi ให้ผู้อื่น เป็นต้น สามารถสร้างคำสั่งลัดบน iPad เพื่อปรับใช้กับการทำงานได้เช่น เปลี่ยนแปลงกำหนดการนัดหมาย หรือสแกนและบันทึกเอกสาร

8) จะกี่ภาษาก็รับมือได้สบายเพราะมี Translate

ใครที่ชอบเรียนภาษาต่างประเทศ หรือชื่นชอบเนื้อหาที่เกี่ยวกับการใช้ภาษาอื่นๆ ต้องถูกใจเป็นที่สุดเพราะว่า iPad มีแอปแปลภาษาอย่าง Translate มาให้พร้อม รองรับภาษาไทยและหลากหลายภาษาทั่วโลกและไม่ใช่แค่การพิมพ์คำศัพท์หรือประโยคเท่านั้น บนแอปเรายังสามารถเลือกแปลภาษาจากรูปภาพได้ด้วย บอกเลยว่าสะดวกสบายมาก

ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อว่าการเรียนและทำการบ้านบน iPad จะสะดวกสบายและง่ายกว่าที่คิดด้วยแอปฟรีต่างๆ ที่พร้อมเป็นตัวช่วยให้เราได้ทุกที่ทุกเวลา และที่สำคัญ iPad ยังมีหลายรุ่น หลายความจุ และหลายสีให้เราเลือกได้ตามความต้องการใช้งาน พร้อมอุปกรณ์เสริมคู่ใจอย่าง Apple Pencil ที่ช่วยยกระดับสิ่งต่างๆ เมื่อทำงานคู่กันกับ iPad ได้ดียิ่งขึ้น